FOOTBALL NEWS

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อาร์เซน่อล เปิดตัวชุดแข่งใหม่ที่ สิงคโปร์





อาร์เซน่อล สโมสรชั้นนำแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้โอกาสเปิดตัวชุดทีมเยือนใหม่ระหว่างทัวร์พรีซีซั่นที่ ประเทศสิงคโปร์ เสียเลย จากรายงานของ mirror.co.uk เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา

ก่อนจะทำศึกรายการพิเศษ "บาร์เคลย์ส เอเชีย โทรฟี 2015" ที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 15-18 ก.ค.นี้ อาร์เซน่อล ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวชุดแข่งขันทีมเยือนในการสู้ศึกฤดูกาล 2015-16 โดยมีสีสันที่สวยงามใช้สีทองข้าวหลามตัดกับสีกรมท่าเป็นหลัก ซึ่งเหล่านักเตะ "ปืนใหญ่" ก็ได้สวมบทบาทนายแบบจำเป็นในงานเปิดตัวที่เมือง "ลอดช่อง" ครั้งนี้อีกด้วย



ทั้งนี้ อาร์เซน่อล มีคิวลงเตะรายการ บาร์เคลย์ส เอเชีย โทรฟี 2015 โดยจะพบกับ ทีมรวมดาราสิงคโปร์ ในวันนี้ (15 ก.ค.) เวลา 20.00 น. และถ้าผ่านเจ้าภาพไปได้ก็จะไปพบผู้ชนะระหว่าง เอฟเวอร์ตัน หรือ สโต๊ค ที่จะลงเตะในเวลา 17.00 น.ของวันนี้ โดยจะไปชิงชนะเลิศกันในวันที่ 18 ก.ค. นี้

ราฮีม สเตอร์ลิง : จะรุ่งแบบ รูนี่ย์ หรือจะยี้เหมือน แคร์โรล

หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกาศคว้าตัว ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกจรวดมาจากสโมสร ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวสูงถึง 49 ล้านปอนด์ ส่งผลให้แข้งวัย 20 ปี กลายเป็นนักเตะอังกฤษที่มีค่าตัวสูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
espnfc.com สื่อกีฬาชื่อก้องโลกได้ทำการรวบรวมรายชื่อ 10 นักเตะเชื้อสายอังกฤษที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยย้อนดูผลงานของพวกเขาเหล่านั้นกันว่าใครบ้างที่ตอบแทนสโมสรได้อย่างคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป แล้วใครบ้างที่สโมสรอาจจะรู้สึกว่าไม่น่าซื้อเข้าทีมมาเลย

10 นักเตะเชื้อสายอังกฤษที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์
10) ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์
ค่าตัว : 21 ล้านปอนด์
ย้ายจาก แมนฯ ซิตี้ ไป เชลซี : ก.ค. 2005
ผลงาน : ล้มเหลว
แน่นอน สเตอร์ลิง ต้องโดนเปรียบเทียบกับกรณีของ ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ เนื่องจากสไตล์การเล่นที่คล้ายคลึงกันไม่น้อย โดยหลังจาก เชลซี เพิ่งได้แชมป์ลีกสูงสุดที่รอคอยมาได้ โชเซ่ มูรินโญ่ จึงตัดสินใจดึงตัว ไรท์ ฟิลลิปส์ เข้ามาร่วมทีม แต่ทว่าปีกจรวดรายนี้เค้นฟอร์มเก่งไม่ออก และไม่สามารถเล่นเข้าระบบของทีมได้ สุดท้ายก็โดนปล่อยตัวกลับไปแมนฯ ซิตี้ เพียงแค่ 8.5 ล้านปอนด์ในสามปีต่อมา

9) โจลีออน เลสค็อตต์
ค่าตัว : 22 ล้านปอนด์
ย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน ไป แมนฯ ซิตี้ : ส.ค. 2009
ผลงาน : ประสบความสำเร็จ
เดวิด มอยส์ กุนซือของ เอฟเวอร์ตัน ขณะนั้นหัวเสียไม่น้อยที่ต้องเสียกองหลังคนสำคัญให้กับ แมนฯ ซิตี้ หลายฝ่ายวิจารณ์เรื่องค่าตัวของเขา แต่อย่างไรก็ตาม เลสค็อตต์ ก็ได้แชมป์ติดมือไปถึง 3 รายการอย่าง พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และ เอฟเอ คัพ 1 สมัย ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีม เวสต์บรอมวิช แบบไม่มีค่าตัวเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

8) ดาร์เรน เบนท์
ค่าตัว : 24 ล้านปอนด์
ย้ายจาก ซันเดอร์แลนด์ ไป แอสตัน วิลล่า : ม.ค. 2011
ผลงาน : ล้มเหลว
วิลล่า ในขณะนั้นกำลังมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อ มาร์ติน โอนีล นายใหญ่ของทีมตัดสินใจลาออก และเชราร์ อุลลิเยร์ ก็ได้มาคุมทีมแทน โดยต้องการดาวยิงที่มาช่วยทำประตูให้ทีมอยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุด และดาร์เรน เบนท์ ก็คือคำตอบ แต่ทว่าเขากลับตอบสโมสรได้อย่างน่าผิดหวัง จนต้องปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สุดท้ายสโมสรก็ต้องขายเขาออกไปในซัมเมอร์นี้

7) อดัม ลัลลาน่า
ค่าตัว : 25 ล้านปอนด์
ย้ายจาก เซาแฮมป์ตัน ไป ลิเวอร์พูล : ก.ค. 2014
ผลงาน : รอการพิสูจน์
"เดอะ ค็อป" ยังไม่อาจเห็นฟอร์มเก่งของ ลัลลาน่า สมัยอยู่กับ เซาแฮมป์ตัน ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากเขาต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บที่รบกวนตลอดทั้งซีซั่น ขณะที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็ดูเหมือนว่าไม่รู้จะจับเขาไปเล่นตรงในไหนในสนามดี โดยนักเตะส่วนใหญ่จะถึงจุดพีคของอาชีพอายุประมาณ 27 ปี และปีนี้ก็เป็นโอกาสพิสูจน์ตัวเองของเขา

6) เดวิด เบ็คแฮม
ค่าตัว : 25 ล้านปอนด์
ย้ายจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ไป เรอัล มาดริด : ก.ค. 2003
ผลงาน : ประสบความสำเร็จ
"ดาวเตะเท้าช่างทอง" สร้างเสียงฮือฮาไปทั่วโลกในขณะนั้นด้วยการย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด หลังจากมีปัญหากับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในทีม แมนฯ ยูไนเต็ด และแน่นอนที่สุด "แข้งหน้าหล่อ" ทำกำไรได้อย่างมหาศาลให้กับ "ราชันชุดขาว" ทั้งใน และนอกสนาม แต่เขาก็ต้องรอถึง 4 ปีกว่าจะคว้าแชมป์ ลาลีกา มาครองได้สำเร็จ

5) เจมส์ มิลเนอร์ 
ค่าตัว : 26 ล้านปอนด์
ย้ายจาก แอสตันวิลล่า ไป แมนฯ ซิตี้ : ส.ค. 2010
ผลงาน : ประสบความสำเร็จ
หลายคนใน แมนฯ ซิตี้ ไม่อยากให้สโมสรขายเขาไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล เนื่องจากหลังจากที่ย้ายจาก วิลล่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เจมส์ มิลเนอร์ เป็นนักเตะที่มีประโยชน์ต่อ แมนฯ ซิตี้ อย่างมาก และเขาก็ถือว่าประสบความสำเร็จกับทัพ"เรือใบสีฟ้า" ด้วยการเป็นแชมป์  พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย และลีก คัพ 1 สมัย

4) เวย์น รูนี่ย์
ค่าตัว 27 ล้านปอนด์
ย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน ไป แมนฯ ยูไนเต็ด : ส.ค. 2004
ผลงาน : ประสบความสำเร็จ
รูนี่ย์ ถือเป็นกองหน้าดาวรุ่งพุ่งแรงในขณะนั้น และเดวิด มอยส์ ต้องจำใจปล่อยหนึ่งผู้เล่นที่ดีที่สุดในศึก ยูโร 2004ให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด จากวันนั้นถึงวันนี้ เขาได้กลายมาเป็นกัปตันทีม "ปีศาจแดง" ยุคปัจจุบัน และคว้าแชมป์ร่วมกับทีมมาแล้วอย่างมากมาย โดยทำไปทั้งหมด 249 จาก 758 เกม

3) ลุค ชอว์
ค่าตัว 30 ล้านปอนด์
ย้ายจาก เซาแฮมป์ตัน ไป แมนฯ ยูไนเต็ด : ก.ค. 2014 
ผลงาน : รอการพิสูจน์
ลุค ชอว์ เป็นหนึ่งในผลผลิตของ เซาแฮมป์ตัน จน แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องดึงตัวไปร่วมทีมพร้อมกับเป็นผู้เล่นชาวอังกฤษอายุต่ำกว่า 20 ปีที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ก็เหมือนกับเพื่อนร่วมทีมเก่าของเขาอย่าง อดัม ลัลลาน่าที่โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานซ้ำ ๆ จนต้องเสียตำแหน่งแบ็กซ้ายให้กับ ดาลี่ย์ บลินด์ และฤดูกาล 2015-16 เขาจะต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง

2)  ริโอ เฟอร์ดินานด์
ค่าตัว 30 ล้านปอนด์
ย้ายจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด ไป แมนฯ ยูไนเต็ด : ก.ค. 2002
ผลงาน : ประสบความสำเร็จ
จากวิกฤตการเงินจึงทำให้  ลีดส์ ยูไนเต็ด ต้องปล่อยตัวปราการหลังสุดแกร่งให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปในขณะนั้น และถือเป็นการย้ายทีมของนักเตะตำแหน่งกองหลังที่แพงที่สุดในเกาะอังกฤษอีกด้วย และทุกวันนี้ทุกคนก็สามารถพูดได้เต็มปากว่า ริโอ เฟอร์ดินานด์ เป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุด และประสบความสำเร็จมากที่สุดคนนึงในวงการลูกหนัง

1) แอนดี้ แคร์โรลล์
ค่าตัว 35 ล้านปอนด์
ย้ายจาก นิวคาสเซิ่ล ไป ลิเวอร์พูล : ม.ค. 2011
ผลงาน : ล้มเหลว
หลังจากที่ปล่อย เฟร์นานโด ตอร์เรส ให้กับ เชลซี ไปด้วยค่าตัวที่สูงที่สุดของ พรีเมียร์ลีก ในขณะนั้นลิเวอร์พูล จึงคว้าตัว แอนดี้ แคร์โรลล์ มาร่วมทัพด้วยค่าตัวที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ด้วยความหวังที่ว่าจะให้เป็นดาวยิงประจำทีมคนต่อไป โดยผนึกกำลังร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรซ 
แต่ทว่าเขากลับตอบแทนสโมสรได้อย่างน่าผิดหวัง โดยทำไปเพียงแค่ 11 ประตู แถมยังใช้เวลาส่วนใหญ่รักษาอาการบาดเจ็บ จนถูกปล่อยให้ เวสต์แฮม ยืมตัว และในที่สุดก็ขายไปอย่างขาดทุนกว่า 20 ล้านปอนด์ในสองปีต่อมา 
เนื้อหาจาก espnfc.com
ภาพ AFP, twitter.com/MCFC, twitter.com/ManUtd, mcfc.co.uk, liverpoolfc.com, avfc.co.uk

สื่อนอกตีข่าว เมืองทองฯ เตรียมคว้าดาวยิงอดีตทีมชาติชิลีร่วมทีม












เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด สโมสรชั้นนำแห่งศึก ไทยพรีเมียร์ลีก ตกเป็นข่าวจ่อได้ตัว เอมิลิโอ เฮอร์นันเดซ อดีตกองหน้าทีมชาติชีลี มาร่วมทีม จากรายงานของ footballchannel.asia เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา



"กิเลนผยอง" เหลือโควต้านักเตะต่างชาติอยู่ 1 รายตั้งแต่เลกแรก หลังจากที่ส่งชื่อไปเพียง 4 ราย ล่าสุดมีรายงานว่ามีสโมสรกำลังจะคว้าตัว เอมิลิโอ เฮอร์นันเดซ อดีตดาวยิงทีมชาติชีลี มาเป็นแข้งรายใหม่ของทีม โดยมีความเป็นไปได้สูง เพราะก่อนหน้านี้แข้งวัย 30 ปีก็ได้ไปปรากฏตัวที่สนาม "เอสซีจี สเตเดี้ยม" รังเหย้าของทีมมาแล้วอีกด้วย



ทั้งนี้ เอมิลิโอ เฮอร์นันเดซ เป็นนักเตะที่เล่นได้ทั้งตำแหน่งกองหน้า และมิดฟิดล์ตัวรุก ซึ่งเขาเคยติด ทีมชาติชิลี มาแล้วระหว่างปี 2008-2010 ต้นสังกัดล่าสุดของเขาก็คือ ยูเนียน ลา คาเลรา สโมสรในลีก ชิลี ขณะที่ วิกิพีเดีย ก็ได้เพิ่มข้อมูลของ เฮอร์นันเดซ เป็นนักเตะของทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว



ภาพ AFP

เธียร์รี่ อองรี ในโฆษณา พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่ของ สกายสปอร์ตส์








"สกายสปอร์ตส์" สื่อกีฬาชื่อก้องโลก ไอเดียบรรเจิดปล่อยโฆษณาโปรโมทศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่ โดยมี เธียร์รี่ อองรี ตำนานนักเตะ อาร์เซน่อล ร่วมอยู่ในเหตุการณ์สำคัญตลอด 23 ปีของลีกสูงสุดแห่งเกาะอังกฤษ จากรายงานของ mirror.co.uk เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา



โฆษณาดังกล่าวเป็นการโปรโมทศึก พรีเมียร์ลีก ก่อนที่ฤดูกาล 2015-16 จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 8 ส.ค. นี้ นำแสดงโดย เธียร์รี่ อองรี ซึ่งทำหน้าที่เป็นนักวิจารณ์ลูกหนังให้กับ "สกายสปอร์ตส์" อีกด้วย ซึ่งอดีตดาวยิง "ปืนใหญ่" ได้ไปอยู่ในเหตุการณ์สำคัญ ๆ ตลอด 23 ปีของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ



โดยโฆษณาเริ่มด้วยเหตุการณ์ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พา แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แชมป์ครั้งแรกในปี 1993 เรื่อยมา จนมาปิดท้ายด้วยการฉลองแชมป์ของ เชลซี เมื่อฤดูกาลที่แล้ว งานนี้คลิปโฆษณาของ "สกายสปอร์ตส์" จะเด็ด และเนียนขนาดไหน ? ต้องชมด้วยตาตัวเอง....



ภาพ AFP

ลงโทษแบน คาอิมบี้ 4 เกมปรับ 4 หมื่น, สุเชาว์ โดนด้วย 1 เกม



ธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณามารยาท และวินัย ประกาศลงโทษแบน ลาซารัส คาอิมบี้ หัวหอก บางกอกกล๊าส เอฟซี 4 เกมปรับอีก 4 หมื่นบาท ขณะที่ สุเชาว์ นุชนุ่ม กัปตันทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดนแบน 1 เกม หลังจากมีการเรียกประชุมด่วนกรณีจังหวะปัญหาเมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา

หลังจากที่เกิดจังหวะปัญหา ลาซารัส คาอิมบี้ หัวหอกบีจี ระงับอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ไปเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ สุเชาว์ นุชนุ่ม กัปตันทีมบุรีรัมย์ จนเลือดกลบปากในเกม ไทยพรีเมียร์ลีก คู่บิ๊กแมตช์ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอกับ บางกอกกล๊าส เอฟซี 0-0 เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา ก็ได้มีการประกาศบทลงโทษจากคณะอนุกรรมการพิจารณามารยาท และวินัย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยผลปรากฎว่า ลาซารัส คาอิมบี้ โดนแบนเพิ่ม 2 เกมรวมกับโทษแบนจากใบแดงในกรณีดังกล่าว 2 เกมรวมเป็น 4 เกมปรับเงินอีก 4 หมื่นบาทรวมทั้งต้องชดใช้ค่ารักษาพยาบาลให้กับ สุเชาว์ อีกด้วย ขณะที่ด้าน "กัปตันกบ" คณะกรรมการตัดสินว่ามีส่วนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงตัดสินลงโทษแบน 1 เกม

ทั้งนี้ ทางคณะอนุกรรมการพิจารณามารยาท และวินัย ได้ตัดประเด็นปัญหาการเหยียดผิวทิ้งไปเนื่องจากไม่สามารถหาหลักฐานยืนยันข้อเท็จจริงได้ ขณะที่ สุเชาว์ นุชนุ่ม ก็ได้เข้าแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท รวมถึง พรบ.คอมพิวเตอร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ภาพ facebook.com/BangkokGlassFC,facebook.com/SuchaoNutnumOfficialFanpage

บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ มั่นใจไม่แก่เกินไปสำหรับ พรีเมียร์ลีก





บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ กองกลางตัวใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มั่นใจว่าตัวเองยังดีพอที่จะปรับตัวและประสบความสำเร็จได้ใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แม้อายุจะเข้าวัยเลขสามแล้วก็ตาม

ชไวน์สไตเกอร์ ตอบโต้ความเห็นของ ฟร้านซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์ ตำนานของ บาเยิร์น ที่บอกว่า อดีตจอมทัพของ "เสือใต้" ควรเลือกย้ายไปเล่นใน เมเจอร์ลีก สหรัฐฯ แทนที่จะมาเล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งเป็นลีกที่ยากกว่า

"ไกเซอร์ฟร้านซ์" ซึ่งเคยย้ายจาก บาเยิร์น ไปเล่นในสหรัฐฯ เมื่อปี 1977 ในวัย 32 ปี กล่าวว่า "ผมว่ามันเป็นสิ่งที่กล้ามาก ๆ สำหรับการย้ายทีมในอายุขนาดนี้ ที่ บาเยิร์น ใคร ๆ ก็รู้ว่า ชไวน์สไตเกอร์ และรู้ว่าเขาทำอะไรได้บ้าง แต่ที่อังกฤษเขาจะต้องพิสูจน์ตัวเองใหม่อีกครั้ง"

กองกลางซึ่งกำลังจะอายุครบ 31 ปีในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมาว่า "ผมไม่รู้นะว่า เบ็คเค่นบาวเออร์ ย้ายไปอเมริกาตอนอายุเท่าไหร่ แต่น่าจะสามสิบกลาง ๆ ใช่หรือเปล่า? สำหรับผมมันเป็นความท้าทายที่จะได้ได้พิสูจน์ว่าผมทำอะไรได้ที่นี่"

บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ริวัลโด้ ควงลูกชายยิงประตูในแมตช์เดียวกัน


















พาไปชมแมตช์ประวัติศาสตร์ ริวัลโด้ ตำนานนักเตะทีมชาติบราซิล สร้างความประทับใจควงลูกชาย ริวัลดินโญ่ยิงประตูในเกมเดียวกัน จากรายงานของ Goal.com เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในศึก ซีเรีย บี บราซิล ในเกมที่ โมกิ มิริม เอาชนะ มาเก้ 3-1 เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยเกมนี้จบลงด้วยความชื่นมื่น เพราะ 2 พ่อลูกพร้อมใจกันทำประตู โดยประตูแรกได้จากลูกโขกของ ริวัลดินโญ่ ในนาทีที่ 3 ของเกม และริวัลโด้ ก็มาซัดจุดโทษในนาทีที่ 17 ก่อนที่ลูกชายของอดีตมิดฟิลด์ บาร์เซโลน่า
 จะมายิงประตูปิดท้ายในนาทีที่ 42
ทั้งนี้ เจ้าของรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกปี 1999 ได้ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลไปเมื่อเดือน มี.ค. ปีที่แล้ว ซึ่งสโมสรสุดท้ายของเขาก็คือ โมกิ มิริม ก่อนที่เขาจะตัดสินใจหวนกลับมาลงสนามอีกครั้งเมื่อเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากหวังที่จะกอบกู้สถานการณ์ของต้นสังกัดที่ตกอยู่ในโซนท้ายตาราง
ภาพ twitter.com/FourFourTweet