FOOTBALL NEWS

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ราฮีม สเตอร์ลิง : จะรุ่งแบบ รูนี่ย์ หรือจะยี้เหมือน แคร์โรล

หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกาศคว้าตัว ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกจรวดมาจากสโมสร ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวสูงถึง 49 ล้านปอนด์ ส่งผลให้แข้งวัย 20 ปี กลายเป็นนักเตะอังกฤษที่มีค่าตัวสูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
espnfc.com สื่อกีฬาชื่อก้องโลกได้ทำการรวบรวมรายชื่อ 10 นักเตะเชื้อสายอังกฤษที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยย้อนดูผลงานของพวกเขาเหล่านั้นกันว่าใครบ้างที่ตอบแทนสโมสรได้อย่างคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป แล้วใครบ้างที่สโมสรอาจจะรู้สึกว่าไม่น่าซื้อเข้าทีมมาเลย

10 นักเตะเชื้อสายอังกฤษที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์
10) ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์
ค่าตัว : 21 ล้านปอนด์
ย้ายจาก แมนฯ ซิตี้ ไป เชลซี : ก.ค. 2005
ผลงาน : ล้มเหลว
แน่นอน สเตอร์ลิง ต้องโดนเปรียบเทียบกับกรณีของ ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ เนื่องจากสไตล์การเล่นที่คล้ายคลึงกันไม่น้อย โดยหลังจาก เชลซี เพิ่งได้แชมป์ลีกสูงสุดที่รอคอยมาได้ โชเซ่ มูรินโญ่ จึงตัดสินใจดึงตัว ไรท์ ฟิลลิปส์ เข้ามาร่วมทีม แต่ทว่าปีกจรวดรายนี้เค้นฟอร์มเก่งไม่ออก และไม่สามารถเล่นเข้าระบบของทีมได้ สุดท้ายก็โดนปล่อยตัวกลับไปแมนฯ ซิตี้ เพียงแค่ 8.5 ล้านปอนด์ในสามปีต่อมา

9) โจลีออน เลสค็อตต์
ค่าตัว : 22 ล้านปอนด์
ย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน ไป แมนฯ ซิตี้ : ส.ค. 2009
ผลงาน : ประสบความสำเร็จ
เดวิด มอยส์ กุนซือของ เอฟเวอร์ตัน ขณะนั้นหัวเสียไม่น้อยที่ต้องเสียกองหลังคนสำคัญให้กับ แมนฯ ซิตี้ หลายฝ่ายวิจารณ์เรื่องค่าตัวของเขา แต่อย่างไรก็ตาม เลสค็อตต์ ก็ได้แชมป์ติดมือไปถึง 3 รายการอย่าง พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และ เอฟเอ คัพ 1 สมัย ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีม เวสต์บรอมวิช แบบไม่มีค่าตัวเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

8) ดาร์เรน เบนท์
ค่าตัว : 24 ล้านปอนด์
ย้ายจาก ซันเดอร์แลนด์ ไป แอสตัน วิลล่า : ม.ค. 2011
ผลงาน : ล้มเหลว
วิลล่า ในขณะนั้นกำลังมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อ มาร์ติน โอนีล นายใหญ่ของทีมตัดสินใจลาออก และเชราร์ อุลลิเยร์ ก็ได้มาคุมทีมแทน โดยต้องการดาวยิงที่มาช่วยทำประตูให้ทีมอยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุด และดาร์เรน เบนท์ ก็คือคำตอบ แต่ทว่าเขากลับตอบสโมสรได้อย่างน่าผิดหวัง จนต้องปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สุดท้ายสโมสรก็ต้องขายเขาออกไปในซัมเมอร์นี้

7) อดัม ลัลลาน่า
ค่าตัว : 25 ล้านปอนด์
ย้ายจาก เซาแฮมป์ตัน ไป ลิเวอร์พูล : ก.ค. 2014
ผลงาน : รอการพิสูจน์
"เดอะ ค็อป" ยังไม่อาจเห็นฟอร์มเก่งของ ลัลลาน่า สมัยอยู่กับ เซาแฮมป์ตัน ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากเขาต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บที่รบกวนตลอดทั้งซีซั่น ขณะที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็ดูเหมือนว่าไม่รู้จะจับเขาไปเล่นตรงในไหนในสนามดี โดยนักเตะส่วนใหญ่จะถึงจุดพีคของอาชีพอายุประมาณ 27 ปี และปีนี้ก็เป็นโอกาสพิสูจน์ตัวเองของเขา

6) เดวิด เบ็คแฮม
ค่าตัว : 25 ล้านปอนด์
ย้ายจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ไป เรอัล มาดริด : ก.ค. 2003
ผลงาน : ประสบความสำเร็จ
"ดาวเตะเท้าช่างทอง" สร้างเสียงฮือฮาไปทั่วโลกในขณะนั้นด้วยการย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด หลังจากมีปัญหากับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในทีม แมนฯ ยูไนเต็ด และแน่นอนที่สุด "แข้งหน้าหล่อ" ทำกำไรได้อย่างมหาศาลให้กับ "ราชันชุดขาว" ทั้งใน และนอกสนาม แต่เขาก็ต้องรอถึง 4 ปีกว่าจะคว้าแชมป์ ลาลีกา มาครองได้สำเร็จ

5) เจมส์ มิลเนอร์ 
ค่าตัว : 26 ล้านปอนด์
ย้ายจาก แอสตันวิลล่า ไป แมนฯ ซิตี้ : ส.ค. 2010
ผลงาน : ประสบความสำเร็จ
หลายคนใน แมนฯ ซิตี้ ไม่อยากให้สโมสรขายเขาไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล เนื่องจากหลังจากที่ย้ายจาก วิลล่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เจมส์ มิลเนอร์ เป็นนักเตะที่มีประโยชน์ต่อ แมนฯ ซิตี้ อย่างมาก และเขาก็ถือว่าประสบความสำเร็จกับทัพ"เรือใบสีฟ้า" ด้วยการเป็นแชมป์  พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย และลีก คัพ 1 สมัย

4) เวย์น รูนี่ย์
ค่าตัว 27 ล้านปอนด์
ย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน ไป แมนฯ ยูไนเต็ด : ส.ค. 2004
ผลงาน : ประสบความสำเร็จ
รูนี่ย์ ถือเป็นกองหน้าดาวรุ่งพุ่งแรงในขณะนั้น และเดวิด มอยส์ ต้องจำใจปล่อยหนึ่งผู้เล่นที่ดีที่สุดในศึก ยูโร 2004ให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด จากวันนั้นถึงวันนี้ เขาได้กลายมาเป็นกัปตันทีม "ปีศาจแดง" ยุคปัจจุบัน และคว้าแชมป์ร่วมกับทีมมาแล้วอย่างมากมาย โดยทำไปทั้งหมด 249 จาก 758 เกม

3) ลุค ชอว์
ค่าตัว 30 ล้านปอนด์
ย้ายจาก เซาแฮมป์ตัน ไป แมนฯ ยูไนเต็ด : ก.ค. 2014 
ผลงาน : รอการพิสูจน์
ลุค ชอว์ เป็นหนึ่งในผลผลิตของ เซาแฮมป์ตัน จน แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องดึงตัวไปร่วมทีมพร้อมกับเป็นผู้เล่นชาวอังกฤษอายุต่ำกว่า 20 ปีที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ก็เหมือนกับเพื่อนร่วมทีมเก่าของเขาอย่าง อดัม ลัลลาน่าที่โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานซ้ำ ๆ จนต้องเสียตำแหน่งแบ็กซ้ายให้กับ ดาลี่ย์ บลินด์ และฤดูกาล 2015-16 เขาจะต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง

2)  ริโอ เฟอร์ดินานด์
ค่าตัว 30 ล้านปอนด์
ย้ายจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด ไป แมนฯ ยูไนเต็ด : ก.ค. 2002
ผลงาน : ประสบความสำเร็จ
จากวิกฤตการเงินจึงทำให้  ลีดส์ ยูไนเต็ด ต้องปล่อยตัวปราการหลังสุดแกร่งให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปในขณะนั้น และถือเป็นการย้ายทีมของนักเตะตำแหน่งกองหลังที่แพงที่สุดในเกาะอังกฤษอีกด้วย และทุกวันนี้ทุกคนก็สามารถพูดได้เต็มปากว่า ริโอ เฟอร์ดินานด์ เป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุด และประสบความสำเร็จมากที่สุดคนนึงในวงการลูกหนัง

1) แอนดี้ แคร์โรลล์
ค่าตัว 35 ล้านปอนด์
ย้ายจาก นิวคาสเซิ่ล ไป ลิเวอร์พูล : ม.ค. 2011
ผลงาน : ล้มเหลว
หลังจากที่ปล่อย เฟร์นานโด ตอร์เรส ให้กับ เชลซี ไปด้วยค่าตัวที่สูงที่สุดของ พรีเมียร์ลีก ในขณะนั้นลิเวอร์พูล จึงคว้าตัว แอนดี้ แคร์โรลล์ มาร่วมทัพด้วยค่าตัวที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ด้วยความหวังที่ว่าจะให้เป็นดาวยิงประจำทีมคนต่อไป โดยผนึกกำลังร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรซ 
แต่ทว่าเขากลับตอบแทนสโมสรได้อย่างน่าผิดหวัง โดยทำไปเพียงแค่ 11 ประตู แถมยังใช้เวลาส่วนใหญ่รักษาอาการบาดเจ็บ จนถูกปล่อยให้ เวสต์แฮม ยืมตัว และในที่สุดก็ขายไปอย่างขาดทุนกว่า 20 ล้านปอนด์ในสองปีต่อมา 
เนื้อหาจาก espnfc.com
ภาพ AFP, twitter.com/MCFC, twitter.com/ManUtd, mcfc.co.uk, liverpoolfc.com, avfc.co.uk

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น